Browse By

เซบีย่า พร้อมสู้บาร์ซ่า บนเวทีลีกา

ในค่ำคืนที่สนามรามอน ซานเชซ ปิซฆวน จะถูกแต่งแต้มด้วยเสียงเชียร์ดังกึกก้องจากแฟนบอลเจ้าถิ่น ความตื่นเต้นก่อนศึกลา ลีกา ระหว่าง เซบีย่า และ บาร์เซโลน่า กำลังพุ่งถึงขีดสุด ทั้งสองทีมต่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน บาร์เซโลน่าต้องการสามแต้มเพื่อตามล่าผู้นำอย่างเรอัล มาดริด ขณะที่เซบีย่ากำลังต่อสู้เพื่อเรียกศรัทธากลับคืนหลังจากช่วงต้นฤดูกาลที่ฟอร์มผันผวน เกมนี้จึงไม่ใช่แค่การพบกันของสองทีมที่มีประวัติยาวนาน แต่ยังเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังมากมาย เซบีย่าภายใต้การคุมทีมของดิเอโก อลอนโซ่ เริ่มต้นฤดูกาลด้วยความไม่แน่นอน ผลงานขึ้นลงสลับกันไปจนแฟนบอลเริ่มกังวล แต่ในสองสัปดาห์ล่าสุดพวกเขากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากเก็บชัยชนะในเกมลีกและเกมยุโรปอย่างต่อเนื่อง นักเตะเริ่มเข้าใจระบบการเล่นมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดระเบียบเกมรับที่รัดกุมขึ้นและการเชื่อมเกมแดนกลางที่เริ่มลงตัว อลอนโซ่เน้นหนักเรื่องการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกในจังหวะเดียว เขามักพูดกับลูกทีมเสมอว่า “ถ้าเรากล้าพอที่จะเปิดเกมใส่คู่แข่งอย่างบาร์ซ่า เราจะมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้” บาร์เซโลน่าภายใต้การนำของซาบี เอร์นานเดซ เองก็อยู่ในช่วงที่ต้องพิสูจน์ตัว หลังจากฤดูกาลก่อนพวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ซีซั่นนี้ทุกทีมเริ่มจับทางเกมของบาร์ซ่าได้มากขึ้น การบุกจึงไม่ไหลลื่นเหมือนเดิม โดยเฉพาะในเกมเยือนที่บาร์ซ่ามักสะดุดเพราะแรงกดดันจากแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม การมาเยือนเซบีย่าในค่ำคืนนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของทีมยักษ์ใหญ่จากคาตาลัน ในแง่แท็กติก เกมนี้น่าจะออกมาในรูปแบบของ “การวัดกลยุทธ์สองขั้ว” เซบีย่าจะเลือกเล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 ที่พวกเขาใช้มาตลอดช่วงหลัง โดยมียูเซฟ เอ็น-เนซีรี่

สหพันธ์ ฟุตบอลสเปน ประกาศว่า ลามีน ยามาลจะไม่อยู่ในทีมชาติสเปน

เสียงสะเทือนในวงการฟุตบอลสเปนเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อสหพันธ์ ฟุตบอลสเปน (RFEF) ออกแถลงการณ์เป็นทางการว่าวันนี้ ลามีน ยามาล ปีกอายุน้อยดาวรุ่งของบาร์เซโลน่า จะถูกถอนชื่อออกจากทีมชาติสเปนสำหรับโปรแกรมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 โดยแถลงการณ์ระบุถึงสาเหตุด้านสภาพร่างกายและความจำเป็นต้องให้พักฟื้นอย่างเหมาะสม ข่าวนี้สร้างแรงตกใจให้กับแฟนบอล เด็กเก่า-เด็กใหม่ในทีมชาติ และสื่อกีฬาทั่วโลก ต่างพากันวิเคราะห์ถึงผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดขึ้น แถลงการณ์ของ RFEF ระบุว่า การถอนชื่อยามาลเป็นไปตามการประเมินทางการแพทย์ โดยได้รับข้อมูลจากสโมสรบาร์เซโลน่าว่าเขามีอาการ “ความไม่สบายในบริเวณพิวบิส” (groin discomfort) ซึ่งถือเป็นอาการที่อ่อนไหวต่อการลงสนามในระดับสูง การประเมินพบว่าอาการนี้อาจกลับมาได้ถ้าใช้งานหนักโดยไม่พัก ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวนักเตะและผลประโยชน์ของทีมชาติ จึงมีมติร่วมกันให้ถอนชื่อเขาออก พร้อมให้เวลาพักฟื้นและประเมินอาการอย่างใกล้ชิด คืนก่อนหน้าที่จะมีการประกาศนี้ ยามาลเคยถูกเรียกติดทีมชาติเป็นตัวเลือกในชุดแข่งขันคัดเลือกฟุตบอลโลก แต่ถูกถอนชื่อออกภายในเวลาอันสั้นหลังจากที่บาร์เซโลนาออกแถลงการณ์ยืนยันอาการบาดเจ็บ การถอนชื่อครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเต็มที่ แต่นับว่าแรงกดดันทางการสื่อมวลชนและแฟนบอลมีมากกว่าปกติ เพราะยามาลถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ถูกจับตามองอย่างสูง บาร์เซโลนาออกมายอมรับว่าอาการไม่สบายของยามาลเกิดขึ้นอีกครั้งภายหลังแมตช์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเขาลงเล่นครบ 90 นาที และกลับมามีอาการในจังหวะที่เขาเพิ่งฟื้นตัวเมื่อไม่นานมาก่อนหน้านี้ จากข้อมูลของสโมสรคาดว่าเขาจะใช้เวลาพักรักษาเป็นช่วงระหว่าง 2–3 สัปดาห์ จึงอาจพลาดเกมลาลีกาและนัดทีมชาติในช่วงเบรกระหว่างประเทศดังกล่าว

บอร์นมัธ 3 – ฟูแล่ม 1 ในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เสียงนกหวีดดังขึ้นที่สนามไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังจากแฟนบอลเจ้าถิ่น เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่าง บอร์นมัธ และฟูแล่มเริ่มต้นขึ้นด้วยจังหวะที่รวดเร็วเกินคาด ทั้งสองทีมต่างต้องการชัยชนะเพื่อขยับอันดับในตารางคะแนน แต่ในค่ำคืนนั้น บอร์นมัธคือฝ่ายที่เฉียบคมกว่า และสามารถคว้าสามแต้มเต็มด้วยสกอร์ 3-1 ที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในเกมรุกและความมั่นใจของทีมภายใต้การคุมทัพของอันโดนี่ อิราโอล่า เกมนี้เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นตั้งแต่นาทีแรก ฟูแล่มพยายามครองบอลและสร้างเกมผ่านมิดฟิลด์อย่างอันเดรียส เปเรยร่า และแฮร์ริสัน รีด พยายามดันบอลไปยังแนวรุกของคาร์ลอส วินิซิอุส แต่บอร์นมัธที่เล่นในบ้านแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นอย่างสูง พวกเขาไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน ทำให้ฟูแล่มไม่สามารถตั้งเกมได้ถนัด และถูกตัดจังหวะกลางสนามหลายครั้ง ในนาทีที่ 13 แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮก่อน เมื่อโดมินิก โซลันกี แผลงฤทธิ์ในแบบที่เขาถนัด การเข้าทำเริ่มจากจังหวะเก็บบอลกลางสนามของไรอัน คริสตี ก่อนจ่ายทะลุช่องให้โซลันกีวิ่งสอดเข้าไปแตะหลบผู้รักษาประตูแบร์นด์ เลโน่ แล้วซัดเข้าไปอย่างเฉียบขาด ทำให้บอร์นมัธออกนำ 1-0 เสียงเฮสนั่นทั้งสนามคือภาพสะท้อนความมั่นใจของทีมที่เริ่มค้นพบสไตล์การเล่นของตัวเอง หลังเสียประตู ฟูแล่มพยายามกลับมาตั้งหลักและเปิดเกมรุกทันที พวกเขาใช้การเคลื่อนที่ของวินิซิอุสและบ็อบบี้ รีด สร้างแรงกดดัน

ก็องปานี ยกย่อง แฟร้งค์เฟิร์ต เป็นทีมที่เล่นเกมรุกสุดอันตราย

ฝนกำลังตกเบา ๆ บนสนามฝึกซ้อมในเมืองมิวนิก แต่ในใจของแว็งซ็องต์ ก็องปานี กุนซือของบาเยิร์น มิวนิค ความคิดอยู่ที่การเผชิญหน้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เกมเยือน ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ซึ่งเขาเพิ่งกล่าวยกย่องว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ “เล่นเกมรุกได้อันตรายที่สุด” ที่เขาเคยเผชิญมา แฟนบอล ก็องปานีพูดโดยไม่อ้อมค้อมถึงแนวรุกของแฟร้งค์เฟิร์ต ที่สามารถเปลี่ยนจังหวะเกมได้ทันทีเมื่อเสียบอล เขายกย่องว่าวิธีการเล่นของพวกเขาไม่เพียงแต่ดุดันในแดนหน้า แต่ยังมีองค์ประกอบของความรับผิดชอบในแดนกลางที่คอยสนับสนุน ทำให้พวกเขาไม่ใช่ทีมที่แค่รุกอย่างเดียว แต่เป็น “โจมตีพร้อมป้องกัน” ซึ่งเป็นแนวทางที่อันตรายเมื่อเจอกับทีมที่มีศักยภาพสูง ในมุมของก็องปานี เขามองว่าคู่แข่งในนัดนี้ไม่ใช่แค่ทีมที่ “ยิงประตูเยอะ” แต่เป็นทีมที่มีความกล้า มีแนวคิด และมีโครงสร้างที่เอื้อให้การโจมตีของพวกเขาคงอยู่ได้ตลอด 90 นาที เขาเตรียมแผนรับมือโดยให้ความสำคัญกับการมีสมาธิสูงสุดในช่วงต้นเกม ไม่ปล่อยให้แฟร้งค์เฟิร์ตได้เล่น จังหวะโต้กลับ และสร้างความกดดันตั้งแต่แดนของพวกเขาเอง ก็องปานียังกล่าวว่า บาเยิร์นจะไม่เล่นแบบรับรอโต้ แต่จะพยายามตั้งเกมของตัวเองให้ได้ พร้อมกับระวังช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาบุก ซึ่งเป็นจุดที่แฟร้งค์เฟิร์ตเก่งในการฉกกลับ “เราอยากจะรุกในแบบของเรา แต่อย่าคิดว่าเราจะมาปราศจากการระวัง เพราะแฟร้งค์เฟิร์ตไม่ใช่คู่แข่งที่จะปล่อยให้เล่นง่าย ๆ” เขากล่าว

อลอนโซ่ยืนยัน วัลเวร์เด้ พร้อมคัมแบ็ก

การเคลื่อนไหวของซาบี อลอนโซ่ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด ได้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของเฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ มิดฟิลด์ทีมชาติอุรุกวัยที่ถูกมองว่ามีปัญหาภายในกับกุนซือ แม้สโมสรจะพยายามลดกระแส แต่ข่าวลือก็ยังคงแพร่สะพัดในหมู่แฟนบอลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อลอนโซ่ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า วัลเวร์เด้ยังคงอยู่ในแผนการทำทีม และพร้อมสำหรับการกลับมาช่วยราชันชุดขาวอีกครั้งอย่างเต็มตัว อลอนโซ่กล่าวย้ำว่า “ไม่มีนักเตะคนใดที่ไม่อยากลงเล่นเพื่อเรอัล มาดริด ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องการชัยชนะเหมือนกัน และเฟเดริโก้ก็เช่นกัน เขามีความมุ่งมั่นเหมือนเดิม” คำพูดนี้สร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลที่เริ่มตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ ว่าจะสามารถกลับมาอยู่ในจุดที่มั่นคงเหมือนเดิมได้หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าทั้งคู่มีปัญหาภายในจากกรณีการเลือกใช้งานนักเตะในตำแหน่งที่ไม่ถนัด ตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา วัลเวร์เด้ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับคำชมจากโค้ชทุกคนที่ผ่านเข้ามาคุมทีม เขามีทั้งพลัง ความเร็ว และความยืดหยุ่นในการเล่น สามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ตัวริมเส้น หรือแม้แต่ฟูลแบ็กขวาเมื่อต้องการเสริมความแน่นของเกมรับ แต่ในฤดูกาลนี้สถานการณ์กลับต่างออกไป เมื่อเรอัล มาดริดมีปัญหานักเตะบาดเจ็บหลายตำแหน่งในแนวรับ ทำให้อลอนโซ่จำเป็นต้องทดลองใช้ผู้เล่นบางรายในตำแหน่งที่ไม่ใช่ถนัดโดยตรง หนึ่งในนั้นคือวัลเวร์เด้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิดที่ขยายไปทั่ว มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า วัลเวร์เด้ อาจรู้สึกไม่พอใจที่ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาในบางนัด และมีการตีความว่าการไม่ถูกส่งลงสนามในเกมยุโรปอาจเกี่ยวข้องกับการปฏิเสธคำสั่งของโค้ช แต่เรื่องทั้งหมดก็ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งเจ้าตัวออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลส่วนตัวเพื่อปฏิเสธข่าวลือ โดยระบุว่าเขาไม่เคยปฏิเสธที่จะลงสนามในตำแหน่งใด

แอนจ์ ยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์

ในขณะที่กระแสข่าวลือในวงการฟุตบอลอังกฤษยังคงหมุนวนเกี่ยวกับอนาคตของ แอนจ์ พอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่ล่าสุดมีรายงานชัดเจนจากแหล่งข่าวภายในสโมสรยืนยันว่า เขายังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้บริหารระดับสูงของทีม แม้ผลงานในลีกจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงหลัง ความไว้วางใจที่ฝ่ายบริหารมอบให้กับพอสเตโคกลู แสดงให้เห็นว่าสโมสรยังเชื่อมั่นในแนวทางการทำทีมของเขา และพร้อมให้เวลาเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว สำหรับแฟนบอลฟอเรสต์แล้ว ชื่อของแอนจ์ พอสเตโคกลู ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและความหวังใหม่ นับตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม สโมสรได้เริ่มปรับแนวทางการเล่นจากทีมที่พึ่งพาการตั้งรับมาเป็นทีมที่เน้นเกมรุกและการครองบอล การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวไม่ได้ง่าย เพราะทีมต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับแนวคิดฟุตบอลสมัยใหม่ที่พอสเตโคกลูพยายามนำมาใช้ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นได้ชัดคือ “เจตจำนงแห่งการพัฒนา” ที่เกิดขึ้นในทุกนัดที่ฟอเรสต์ลงสนาม ในฤดูกาลนี้ ผลงานของฟอเรสต์อาจยังไม่เข้าที่นัก พวกเขาอยู่ในตำแหน่งกลางตารางโดยมีทั้งเกมที่เล่นได้ดีและเกมที่พลาดอย่างน่าเสียดาย แต่บอร์ดบริหารของสโมสร โดยเฉพาะเจ้าของทีมและประธานสโมสร ได้ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าพวกเขายังคงให้การสนับสนุนพอสเตโคกลูอย่างเต็มที่ และไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีมในช่วงเวลานี้ ความมั่นใจของบอร์ดบริหารมาจากการที่พวกเขามองเห็นพัฒนาการของทีมในแง่ของสไตล์การเล่นและความกระหายในการต่อสู้ แม้ผลการแข่งขันยังไม่สม่ำเสมอ แต่พลังและทัศนคติของนักเตะในสนามนั้นชัดเจน พอสเตโคกลูได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลจากผลงานอันยอดเยี่ยมกับเซลติกในสกอตแลนด์ ก่อนจะย้ายมาทำงานในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในลีกที่เข้มข้นที่สุดในโลก เขามีชื่อเสียงจากการสร้างทีมที่เล่นฟุตบอลบุกอย่างสนุก มีระบบที่ชัดเจน และสามารถปลุกความมั่นใจของนักเตะได้อย่างน่าทึ่ง การมาของเขาที่น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์จึงถูกมองว่าเป็นการนำลมหายใจใหม่เข้ามาสู่สโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่แต่ต้องการทิศทางที่ชัดเจนในยุคใหม่ แม้ในบางช่วง ผลงานของฟอเรสต์จะตกลงจากความคาดหวัง โดยเฉพาะในเกมเยือนที่ทีมยังเก็บแต้มได้ไม่ต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เห็นได้คือทีมเริ่มมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

สโมสร เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง คริส ไวล์เดอร์

เมื่อสโมสรฟุตบอลต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก การตัดสินใจเรื่องกุนซือคือหัวใจสำคัญที่สุด สำหรับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในอังกฤษ แต่ปัจจุบันต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก การแต่งตั้ง คริส ไวล์เดอร์ กลับมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมถือเป็นการหันกลับไปหาบุคคลที่เคยสร้างรอยจารึกไว้ในสโมสร และหวังให้เขาเป็นคนกอบกู้สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน โปรไฟล์ของคริส ไวล์เดอร์ : ลูกหม้อแท้แห่งเชฟฟิลด์ 1. เส้นทางการเป็นนักเตะ ไวล์เดอร์เคยเป็นนักเตะของเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในยุค 1980s ถึงต้น 1990s การได้สวมเสื้อทีมบ้านเกิดทำให้เขามีความผูกพันกับสโมสรอย่างลึกซึ้ง 2. เส้นทางการคุมทีม เขาเริ่มต้นคุมทีมในลีกล่าง ก่อนสร้างชื่อกับ นอร์ทแธมป์ตัน ทาวน์ และถูกเรียกกลับมาคุมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดในปี 2016 ที่ตอนนั้นอยู่ในลีก วัน (League One) 3. ความสำเร็จครั้งก่อน เหตุผลที่เชฟฟิลด์เลือกไวล์เดอร์อีกครั้ง 1. ความคุ้นเคยและความผูกพัน บอร์ดบริหารเชื่อว่าไวล์เดอร์รู้จักสโมสรอย่างลึกซึ้ง เข้าใจวัฒนธรรมแฟนบอล และเข้าใจข้อจำกัดของทีม

บอร์ดบริหาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงให้การสนับสนุนรูเบน อาโมริม

บอร์ดบริหาร สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักอยู่ท่ามกลางสายตาของแฟนบอลและสื่อทุกย่างก้าว การแต่งตั้ง รูเบน อาโมริม กุนซือชาวโปรตุเกสเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคือหนึ่งในการเดิมพันครั้งใหญ่ของบอร์ดบริหาร ความคาดหวังสูง, ผลงานที่ต้องพิสูจน์ และแรงกดดันมหาศาล ล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องเผชิญ แต่แม้จะมีเสียงวิจารณ์และคำถามเรื่องอนาคต บอร์ดบริหารยังคงยืนยันให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ อาโมริม : โปรไฟล์กุนซือดาวรุ่งแห่งยุโรป 1. เส้นทางผู้จัดการทีม อาโมริมแจ้งเกิดในฐานะกุนซือกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยแท็กติกการเล่นที่ทันสมัย เน้นการเพรสซิ่งสูงและการเล่นเกมรุกดุดัน เขานำทีมคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกสและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่น่าจับตามองที่สุดของยุโรป 2. ปรัชญาการเล่น เขาเชื่อในการครองบอลที่มีคุณภาพ การเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบ และการสร้างความสมดุลระหว่างเกมรุกและรับ สิ่งนี้ทำให้ยูไนเต็ดมองว่าอาโมริมเหมาะสมกับการสร้างทีมใหม่ในระยะยาว เหตุผลที่บอร์ดบริหารยังคงสนับสนุน 1. วิสัยทัศน์ระยะยาว บอร์ดบริหารเชื่อว่า ยูไนเต็ดไม่อาจประสบความสำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืน การสร้างทีมใหม่ต้องใช้เวลา และอาโมริมมีคุณสมบัติที่จะเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” 2. การลงทุนกับเยาวชน หนึ่งในสิ่งที่อาโมริมทำได้ดีคือการพัฒนาเยาวชน ยูไนเต็ดต้องการโค้ชที่สามารถต่อยอดนักเตะดาวรุ่งจากอะคาเดมี เช่น โคบี้

เฟร์มิน โลเปซ กองกลางเด็กปั้นของบาร์เซโลน่า ยืนยันมีความสุขกับต้นสังกัด

ชื่อของ เฟร์มิน โลเปซ อาจไม่ได้คุ้นหูแฟนบอลทั่วไปมากนักเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ปัจจุบันเขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของบาร์เซโลน่า กองกลางวัยหนุ่มรายนี้คือผลผลิตตรงจากลา มาเซีย อะคาเดมีชื่อดังที่สร้างซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมาแล้วมากมาย การที่เขาออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า “มีความสุขกับต้นสังกัดและไม่คิดย้ายทีม” จึงเป็นสัญญาณที่ทำให้แฟนบอลบาร์ซ่ายิ่งรู้สึกอุ่นใจ เฟร์มิน โลเปซ : โปรไฟล์และเส้นทางสู่ทีมชุดใหญ่ 1. ก้าวแรกที่ลา มาเซีย เฟร์มินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของลา มาเซียตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านการฝึกฝนในระบบที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในด้านการพัฒนากองกลาง 2. สไตล์การเล่น เขาเป็นกองกลางที่มีความหลากหลาย สามารถเล่นได้ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและตัวรุก จุดเด่นคือ 3. การแจ้งเกิด เฟร์มินได้รับโอกาสจากโค้ชในทีมชุดใหญ่ และใช้มันอย่างคุ้มค่า เขายิงประตูสำคัญในแมตช์ใหญ่ ๆ ทำให้ชื่อของเขาเริ่มปรากฏบนพาดหัวข่าว ความสุขกับต้นสังกัด : คำยืนยันที่มีความหมาย 1. ความภักดีต่อสโมสร ในยุคที่นักเตะอายุน้อยจำนวนมากเลือกย้ายทีมเพื่อหาโอกาสลงสนาม การที่เฟร์มินออกมาพูดชัดว่าอยากอยู่กับบาร์ซ่าต่อไป แสดงให้เห็นถึงความภักดีและความผูกพันกับสโมสร 2. ความเชื่อมั่นในเส้นทาง เฟร์มินเชื่อว่า การอยู่กับบาร์เซโลน่าคือโอกาสที่ดีที่สุดในการพัฒนาฝีเท้า

บทบาทของวลาโฮวิช หากคอนไซเซาไม่พร้อมช่วยทีม ยูเวนตุส

ยูเวนตุส กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อมีความไม่แน่นอนว่า คอนไซเซา ปีกทีมชาติโปรตุเกสจะฟิตพอลงสนามในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้หรือไม่ การขาดผู้เล่นที่สามารถสร้างโอกาสริมเส้นได้อาจกระทบอย่างรุนแรงต่อรูปแบบการเล่นของทีม และในสถานการณ์เช่นนี้ สปอตไลท์จึงตกไปอยู่ที่ ดูซาน วลาโฮวิช กองหน้าตัวเป้าที่เป็นเสาหลักของทีมฟุตบอลทันที วลาโฮวิช : กองหน้าที่ถูกฝากความหวัง 1. โปรไฟล์และจุดเด่น วลาโฮวิชคือกองหน้าที่ผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและการจบสกอร์ที่เฉียบคม เขามีความสามารถในการเล่นบอลกลางอากาศ การยืนตำแหน่ง และการยิงที่ทรงพลัง 2. ความสำคัญเชิงแท็กติก ในระบบของยูเวนตุส วลาโฮวิชไม่ได้เป็นเพียงกองหน้าตัวเป้าที่รอจบสกอร์ แต่ยังเป็นคนที่เชื่อมเกมรุกกับแดนกลางและดึงตัวประกบเพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม หากไม่มีคอนไซเซา : ภาระที่หนักขึ้นบนไหล่ของวลาโฮวิช 1. การเคลื่อนไหวหาช่องเอง ปกติคอนไซเซาจะเป็นคนสร้างโอกาสริมเส้น แต่หากเขาไม่อยู่ วลาโฮวิชอาจต้องเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ด้านข้างมากขึ้นเพื่อสร้างจังหวะเอง 2. การเล่นบอลยาวจากแดนหลัง ยูเวนตุสอาจใช้บอลยาวจากกองหลังไปหาวลาโฮวิชโดยตรง เพื่อให้เขาใช้ความแข็งแกร่งพักบอลและรอเพื่อนเติมขึ้นมาแทนที่การเจาะริมเส้น 3. ความกดดันด้านการจบสกอร์ การไม่มีผู้เล่นที่สร้างโอกาสได้หลากหลาย ทำให้วลาโฮวิชต้องใช้โอกาสที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เขาจะต้องเฉียบคมกว่าเดิมในทุกจังหวะยิง มิติด้านแท็กติกของยูเวนตุสเมื่อฝากความหวังที่วลาโฮวิช